The Professional : เบื้องหลังแห่งเบื้องหลัง “ สึนามิ” : กิตติ สิงหาปัด
เหตุการณ์ภัยพิบัติ “ สึนามิ” คงเป็นสิ่งที่พิสูจน์ได้อย่างดีว่าไอทีวีคือสถานีข่าวอันดับหนึ่งของประเทศไทยที่ประชาชนให้การยอมรับ
ชื่อเสียงและการยอมรับจากการรายงานข่าวสึนามินั้นคงไม่ได้มาจากความบังเอิญ แต่เป็นเพราะการร่วมมือร่วมใจของคนในองค์กร์ที่ลงแรงลงใจกับการทำงานเพื่อให้ได้มาซึ่งความสมบูรณ์แบบของการทำข่าว ซึ่งท้ายที่สุดแล้วสิ่งที่คนข่าวไอทีวีคำนึงถึงมากที่สุดคงไม่หนีผู้ชมทั่วประเทศ
กิตติ สิงหาปัด ผู้ประกาศข่าวหลักของไอทีวีคือหนึ่งในทีมข่าวที่เกาะติดสถานการณ์อย่างเหนียวแน่นและทุ่มเท หลังภัยพิบัติเกิดขึ้นเพียงวันเดียวเขากับทีมข่าว Hot News ลงไปดูให้เห็นกับตาว่าความร้ายแรงหลังจากคลื่นซัดสาดไปแล้วว่ามันสาหัสเพียงใด
ภาพเบื้องหน้าของภัยพิบัติที่คนดูเห็นทางโทรทัศน์ตลอดระยะเวลาเกือบหนึ่งเดือนได้ซ่อนภาพเบื้องหลังและการทำงานอย่างหนักและเหน็ดเหนื่อยของทีมงานทุกคนไว้ ซึ่งวันนี้กิตติจะมาเผยภาพเบื้องหลังการทำงานอย่างมืออาชีพของทีมข่าวไอทีวีให้กับคนทั่วไปได้รับรู้
ในข้อเท็จจริงก็คือ ในเช้าวันเกิดเหตุ สถานีโทรทัศน์ทุกช่องของไทย รายงานสิ่งที่เกิดขึ้นช้ามาก ทำไมเป็นเช่นนั้น
สาเหตุที่รายงานข่าวช้ามีอยู่หลายอย่างด้วยกัน ข้อแก้ตัวแรกของไอทีวีก็เหมือนกับทางราชการคือวันที่เกิดเหตุคือวันอาทิตย์ ที่ไอทีวีวันหยุดจะมีเจ้าหน้าที่ทำงานอยู่เพียงครึ่งเดียวเท่านั้น นอกจากนี้เหตุการณ์ที่เกิดบริเวณชายฝั่งอันดามันเป็นพื้นที่บอดของเรา ไอทีวีและช่องอื่นๆไม่มีศูนย์อยู่ที่นั่นยกเว้นช่อง11 และเมื่อเกิดเหตุขึ้นโทรศัพท์ถูกใช้เยอะทำให้มีปัญหาเรื่องการสื่อสาร
อีกปัญหาหนึ่งคือเราไม่สามารถรายงานข่าวอย่างต่อเนื่องได้ในช่วงแรกๆ เพราะผังโทรทัศน์ในวันอาทิตย์ส่วนใหญ่เป็นรายการของผู้เช่า ทำให้การตัดเข้าการรายงานข่าวสดค่อนข้างมีปัญหา และเมื่อได้รับรายงานแรกๆไม่คิดว่ารุนแรง ส่วนใหญ่รายงานว่าเกิดเหตุแผ่นดินไหวที่เกาะสุมาตรา ยิ่งถ้าอ่านคำประกาศเตือนของกรมอุตุวิทยาซึ่งประกาศเมื่อตอน 9 โมงเศษๆ ก็จะเขียนแค่ว่ามีแผ่นดินไหวทางเหนือของเกาะสุมาตรา ยังไม่มีรายงานความเสียหาย
พอคลื่นเข้ามาตอน10 โมงใกล้ข่าวเที่ยง เรารู้แค่ว่ามีคลื่นยักษ์เข้ามา ตายเท่าไรก็ไม่รู้ยังไม่แน่นอน เหตุการณ์แบบนี้ลากยาวลำบากเนื่องจากเราไม่มีแหล่งข้อมูลที่จะนำเสนอ แค่มานั่งแล้วคุยกันทางโทรศัพท์ออกอากาศ
สถานีโทรทัศน์โดนวิจารณ์มากว่าทำไมช้าและดูไม่ให้ความสำคัญ ส่วนหนึ่งน่าจะมาจากการประเมินสถานการณ์ผิดพลาด แต่ยังดีที่ไอทีวีสามารถปรับตัวได้ทันเนื่องจากมีคุณนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล (ประธานกรรมการบริหารสถานีโทรทัศน์ไอทีวี)ลงมาสั่งการและดูแลในเรื่องของการปรับผัง ทำให้การรายงานข่าวเป็นไปอย่างต่อเนื่องและเกาะติดสถานการณ์ ซึ่งไอทีวีเป็นช่องแรกที่ส่งรถรายงานสดลงไปในพื้นที่ โดยปกติเรามีรถรายงานสดประจำอยู่ที่ปัตตานี เมื่อเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้นมาจึงสั่งให้ขับไปยังกระบี่ทันที ทำให้เราได้ภาพที่ค่อนข้างเร็วกว่าคนอื่น ภาพคนเจ็บจากเกาะพีพีที่เพิ่งลงมาจากเฮลิคอปเตอร์
มากกว่านั้นเรายังยกเลิกถ่ายทอดสดกีฬาแห่งชาติที่ราชบุรี และถอยรถคันนั้นวิ่งลงใต้อีกครั้งหนึ่งโดยมีรถรายงานสดจากกรุงเทพลงไปด้วย เพราะฉะนั้นก็จะมีรถรายงานสดทั้งที่กระบี่ ตะกั่วป่าและภูเก็ต นักข่าวแต่ละจุดของเราก็มากที่สุด จุดละประมาณ 7-8 คน
ช่วงก่อนเกิดเหตุตอนนั้นคุณกิตติอยู่ที่ไหน
ผมพลาดนิดเดียว ผมไปทำเลือกตั้งสัญจรของ Hot News ที่ปัตตานีวันเสาร์ พอเสร็จตอนกลางคืนก็ตีรถกลับมานอนที่หาดใหญ่เพราะว่าจะขึ้นเครื่องที่หาดใหญ่วันอาทิตย์ตอนเช้า ผมออกจากโรงแรม 7 โมงเช้า แผ่นดินไหวเวลา 7.58 นาที รอขึ้นเครื่องอยู่ที่สนามบินก็ไม่รู้สึก นั่งอยู่ก็ไม่มีใครเอะอะว่าแผ่นดินไหวหรือรู้สึกอะไร พอระหว่างทางขับรถกลับบ้านหลังจากลงเครื่องบินเปิดวิทยุฟังข่าวต้นชั่วโมงก็เข้าไปกลางข่าวพอดี คลื่นไหนจำไม่ได้บอกว่ามีนักท่องเที่ยวหนีตายลงมาจากโรงแรมลี การ์เดน ที่หาดใหญ่เพราะมีแรงสั่นสะเทือนจากแผ่นดินไหวที่เกาะสุมาตรา ข่าวช่วง10 โมงเช้ายังรายงานอยู่แค่นั้น ยังไม่มีคำว่าสึนามิ ไม่มีใครพูดถึงว่าจะมีแบบนี้จนกระทั่งมันเกิด
ถ้าผมรู้ก่อนหน้านี้ ผมจะเปลี่ยนไฟลท์จากหาดใหญ่เข้าภูเก็ตทันที และอาจจะได้ปรับตัวเร็วกว่านี้ค่อนข้างมาก แต่ผมลงมากรุงเทพฯแล้วกว่าจะเข้าออฟฟิศก็ได้จัดตอนกลางคืนวันอาทิตย์ ซึ่งคืนแรกของวันเกิดเหตุไอทีวีได้ภาพเยอะที่สุด รายงานออกมาจากเขาหลักก็น้อยมาก ผมเพิ่งมารับทราบความจริงตอนลงพื้นที่ว่าที่บ้านน้ำเค็มและที่เขาหลักนั้นเสียหายเป็นบริเวณกว้าง และระบบโทรศัพท์แทบจะล่มร้อยเปอร์เซ็นต์ ไม่มีใครโทรมารายงานว่าตรงนี้เสียหายมากเท่าไร พอจัดรายการในวันที่ 26 ซึ่งเป็นวันเกิดเหตุถึงเที่ยงคืนก็ตัดสินใจแล้วว่า Hot News ต้องลงไปจัดที่นั่น ทั้งๆที่ไม่แน่ใจว่าจะอยู่ได้ยาวเท่าไร เช้าวันที่27 เลยบินไปทันที
พอไปถึงจุดแรกที่เขาหลักผมแทบจะบรรยายไม่ถูก ความเสียหายและผู้เคราะห์ร้ายเยอะมาก กล้องโทรทัศน์ต่อให้จะขยายภาพกว้างแค่ไหนแต่มันก็ดูเหมือนเดิม เพราะความเสียหายมันกระจายกว้าง 20-30 กิโลเมตรตลอดแนวชายหาด วันหนึ่งรถรายงานสดเคลื่อนย้ายได้ประมาณ 2-3 จุดเท่านั้น เพราะการคมนาคมมีปัญหาและการสื่อสารก็ใช้การไม่ได้
รู้สึกอย่างไรที่การสื่อสารรวดเร็วมากขึ้น แต่กว่าจะมีคำว่าสึนามิขึ้นมาต้องใช้เวลาเกือบหนึ่งวัน
น่าแปลกใจมาก มาถึงวันนี้ที่สถานการณ์กลับเข้าสู่สภาวะปกติเมื่อมองย้อนกลับไปเป็นเรื่องที่ไม่น่าเชื่อว่าระบบจะเป็นแบบนี้ได้ ไม่มีการเตือนภัยก็รับได้เพราะไม่เคยมีความรู้ว่ามันจะเข้ามา ถึงแม้ว่าดร.สมิทธิ์ ธรรมสโรช อดีตอธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยาจะเคยพูดไว้เมื่อปี 2541 แต่เป็นแค่คำพูด พอมีคนมาค้านก็ผ่านเลยไป ไม่ได้เอาใจใส่จริงจัง
เมื่อผมเข้าไปในที่เกิดเหตุ การสื่อสารคือปัญหาอันดับแรกโทรศัพท์ใช้ไม่ได้จริงๆ ผมโทรติดต่อกับบก.ข่าวที่กรุงเทพฯ ก็ไม่ได้ หรือติดต่อกับนักข่าวในพื้นที่ก็ไม่ได้ ใครโทรติดโชคดีจริงๆ ส่งนักข่าวออกไปรายงานตามจุดต่างๆก็เหมือนปล่อยเขาไปตามมีตามเกิด เพราะถ้าหายไปจากศูนย์ก็คือติดต่อไม่ได้ เห็นหน้ากลับมาถึงรู้ว่ามีข่าว แต่มันทำข่าวง่ายตรงที่ว่าไปจุดไหนก็มีข่าวให้รายงานแทบทุกที่ แต่ที่ไอทีวีสามารถติดต่อสื่อสารกันได้เพราะใช้โทรศัพท์ดาวเทียมจากรถรายงานสด กดรหัสสี่ตัวผ่านดาวเทียมจากรถเข้ามาที่สถานี
เมื่อรู้ว่าเกิดเหตุไอทีวีมีการแบ่งหน้าที่และจัดการภายในองค์กรอย่างไร
บ.ก.ข่าวที่นี่ค่อนข้างเตรียมพร้อม พอเริ่มรายงานเข้ามาว่ามีคนตาย น้ำท่วมก็ประสานไปยังบ.ก.ฝ่ายอื่นๆว่าต้องรีบเอารถรายงานสดและเฮลิคอปเตอร์ออกไป และเมื่อทางผู้ใหญ่ทราบก็เข้ามาบัญชาการข้างใน สิ่งที่ได้เปรียบของไอทีวีคือเรามีประสบการณ์การรายงานข่าวด่วนและมีความคล่องตัวกว่าคนอื่น นักข่าวจำนวนมากก็มีความกระตือรือล้นที่จะทำข่าวลักษณะนี้
ไอทีวีมีความรู้สึกร่วมกันอยู่ในองค์กรว่าเหตุการณ์แบบนี้คือข่าวของเรา เป็นข่าวที่เราควรจะชนะ เราต้องทำให้ดีกว่าคนอื่น เพราะในช่วงที่ผ่านมาเมื่อเกิดเหตุการณ์แบบนี้คนดูได้คาดหวังไว้กับเรา ต้องเปิดไอทีวีก่อน และเราต้องรายงานสดอย่างต่อเนื่องและครอบคลุม โดยไอทีวีจะส่งนักข่าวกับช่างภาพที่เข้าเวรช่วงนั้นออกพื้นที่ก่อน ไม่ว่าจะทำข่าวสายอะไรก็แล้วแต่
ส่วนเรื่องผังรายการนั้น เราตัดสินใจโยกผังทั้งๆที่ลำบาก เนื่องจากรายการส่วนใหญ่เป็นเทปประมาณสามสิบนาทีถึงหนึ่งชั่วโมง ถ้าเราเบรกข่าวเข้าไป 10 นาทีจะทำให้ผังรายการช้ากินเวลารายการอื่นไปเรื่อยๆ นอกจากนี้ข้างในก็ตั้งศูนย์บัญชาการประชุมกัน บ.ก.คนที่ไม่ได้อยู่เวรแต่เกี่ยวข้องก็ถูกเรียกเข้ามา
ที่เราทำได้ดีกว่าคนอื่นส่วนหนึ่งต้องยกเครดิตให้รายการร่วมมือร่วมใจ รายการนี้เปรียบเหมือนศูนย์กลางที่ช่วยเหลือคนเพราะฉะนั้นจะมีคนทำงานตลอดเวลา 24 ชั่วโมงรับเรื่องราวร้องทุกข์และเหตุร้ายเหตุด่วน พอเกิดเหตุการณ์สึนามิขึ้น ร่วมมือร่วมใจกลายเป็นศูนย์กลางทันทีในเรื่องของการตามคนหายและรับบริจาคสิ่งของต่างๆ ทำงานไม่ได้หลับได้นอนกว่า 2 อาทิตย์จนเรื่องคลี่คลาย
ในส่วนของไอทีวีเฉพาะกิจสึนามี เมื่อไปถึงพื้นที่เราได้จัดประชุมขึ้นว่าใครจะลงพื้นที่ไหน ตามปกติเราจะหาคนรับผิดชอบในแต่ละแง่ของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เช่น คนนี้ดูเรื่องผู้บาดเจ็บ คนนี้ดูเรื่องสืบสวนสอบสวน แต่คราวนี้ใหญ่เกินปกติ งานหลายพื้นที่และค่อนข้างสะเปะสะปะ แต่เราก็พยายามแบ่งคร่าวๆว่ามีศูนย์อยู่ข้างใน ใครจะทำรายงาน โต๊ะไหนตามข่าวเรื่องอะไร ใครติดต่อแขกมาสัมภาษณ์สด กราฟฟิกฝ่ายข้อมูลจัดข้อมูลเพิ่มเติมให้ผู้ประกาศทั้งหมด ตารางงานคร่าวๆในการทำข่าวของไอทีวีจะเป็นแบบนี้
อย่างสถานีข่าวในต่างประเทศที่คุ้นเคยกับการรับมือด้านภัยพิบัติบ่อยๆ เขาจะมีศูนย์ มีการซ้อมเรื่องพวกนี้อยู่เป็นระยะๆ ถึงแม้ว่าวันนั้นจะไม่มีพายุทอร์นาโดเข้าว่าเกิดเหตุขึ้นทุกคนมีหน้าที่ต้องทำอะไรบ้าง
ไอทีวีใช้กำลังคนขนาดไหนในการทำข่าวครั้งนี้
ต้องบอกว่าเราใช้ทั้งบริษัทเป็นการระดมครั้งใหญ่ที่สุดตั้งแต่ก่อตั้งสถานี ทั้งฝ่ายข่าวเราระดมกันมาหมดแม้แต่คนที่อยู่แผนกอื่นๆแต่สังกัดฝ่ายข่าวยังมาช่วยกันหมด และเมื่อไอทีวีตั้งศูนย์กลางให้ความช่วยเหลือขึ้นมาเราก็ไปดึงคนจากฝ่ายการเงิน ฝ่ายบัญชีและอื่นๆแต่ก็ยังไม่พอจัดการ จนกระทั่งเราต้องประกาศรบอาสาสมัครเพิ่มเติมมาช่วยแพ็คของ ช่วงนั้นใกล้ปีใหม่ด้วยแต่พนักงานของเราก็ไม่ได้หยุดเพราะทกคนถือว่าเป็นหน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบ หยุดไม่ได้ ต้องเดินหน้าต่อไป
แล้วยกเลิกผังรายการปกติทั้งหมดกี่วัน
ประมาณ 8 วันตั้งแต่วันเกิดเหตุจนกระทั่งวันที่ 2 มกราคม วันจันทร์ที่ 3 มกราคมถึงจะเริ่มเข้าสู่ผังรายการปกติ แต่ช่วงข่าวกลางคืนก็ยังไม่ปกติอยู่ประมาณ 2 อาทิตย์ อย่างรายการ Hot News จะใช้เวลาทั้งหมดไม่เกิน 40 นาทีต่อคืน ถูกขยายเป็นสองชั่วโมงตลอด 2 อาทิตย์ และรายงานข่าวสึนามิอย่างเดียวถึงเที่ยงคืนตลอด
Feedback จากผู้ชมเป็นอย่างไรบ้าง
ดีมาก ไม่น่าเชื่อว่าเป็นประวัติศาสตร์ของไอทีวีในแง่เรตติ้ง เราไม่เคยมีเรตติ้งเกิน6 หรือ7 ข่าวเคยเรตติ้งสูงที่สุดครั้งแรกคือเหตุการณ์เผาสถานทูตไทยในเขมร พอมีสึนามีเข้ามาเรตติ้งเราสูงถึง10 ชนะแม้กระทั่งละครช่อง7 ซึ่งเรื่องเหล่านี้มันเป็นแค่ความฝันที่ข่าวจะมีเรตติ้งสูงกว่าทีวี
ผมไปสัมภาษณ์นายกฯทักษิณ ท่านก็กล่าวนอกรอบว่าไอทีวีรายงานข่าวสึนามิครั้งนี้เหมือนกับซีเอ็นเอ็นรายงานข่าวสงครามอ่าวเปอร์เซียครั้งแรก แต่เมื่อได้รับคำชมและความนิยมก็มีปัญหาตามมาว่าเราจะรักษาคุณภาพไว้ได้นานแค่ไหน
เมื่อเข้าสู่ภาวะปกติแล้วรายการข่าวจะเป็นรูปแบบเดิมหรือไม่
เป็นเรื่องทิศทางของสถานีซึ่งคงต้องเป็นหน้าที่ของผู้บริหารระดับสูงไม่ใช่ระดับฝ่ายข่าว อย่างไรก็ตามจากการประเมินตัวเองย้อนกลับไปพบว่าชื่อเสียงที่ได้มาล้วนแต่มาจากข่าว ล้วนแต่มาจากข่าวในลักษณะนี้แทบทั้งสิ้น ข่าวสืบสวน สอบสวน ข่าวภัยพิบัติ ไม่เคยได้ชื่อเสียงจากรายการอื่นต่อให้ปรับผังมากเท่าไรก็ตาม เหตุการณ์ครั้งนี้คงพิสูจน์ได้ว่าไอทีวีควรจะเดินอย่างไร จะวาง Position ของตัวเองอย่างไร
จากที่ผ่านมา สื่อมวลชนมีบทบาทค่อนข้างมากในการกำหนดรูปแบบ แนวทางการทำงานของภาครัฐและหน่วยงานอื่นๆ คุณมีความเห็นอย่างไร
บางที่หน่วยงานของราชการที่ดูแลเรื่องนี้อาจจะยังจับต้นชนปลายไม่ถูกเพราะไม่เกิดเหตุภัยพิบัติที่ใหญ่ขนาดนี้มาก่อนในเมืองไทย ด้วยหน้าที่ของสื่อเมื่อเราไปเห็นความจริงก็รายงานขึ้นมา สะท้อนปัญหาขึ้นมาทำให้คนอื่นหันมาฟังเรา บางทีก็ถามความคิดเห็นจากผู้เชี่ยวชาญในเรื่องนี้ ผู้เชี่ยวชาญก็สะท้อนผ่านเราก็เลยกลายเป็นว่ามีบทบาทขึ้นมา
บางทีอาสาสมัครกลุ่มไหนขาดแคลนอะไรก็มาขอจากเรา เช่นหมอพรทิพย์อยากได้อะไรก็โทรมาที่ไอทีวีให้ช่วยประกาศ ซึ่งจากตรงนี้ทำให้หลายคนมองว่าไอทีวีเข้าไปแทรกแซงการทำงานของฝ่ายอื่นๆ แต่ผมคิดว่ามันถูกต้องนะ เพราะหน้าที่ของสื่อไม่ใช่แค่รายงานข่าวเดียงอย่าง แต่เป็นเหมือนกับตัวกลางที่กระตุ้นให้เกิดการช่วยเหลือหรือแม้กระทั่งเป็นตัวช่วยเหลือเองก็มี ซึ่งครั้งนี้เราชัดเจนในเรื่องการบริจาค เป็นประวัติศาสตร์ที่เอกชนสามารถระดมเงินได้สองร้อยกว่าล้านโดยเป็นเงินสดทั้งหมด
หลังจากเหตุการณ์สึนามิเริ่มคลี่คลายอยู่ในช่วงพลิกฟื้น ไอทีวีจะยังติดตามข่าวต่อหรือไม่
ด้วยธรรมชาติของสื่อโดยทั่วไปเราจะรายงานอะไรตามกระแส ผมเป็นห่วงว่าถ้าสื่อไม่ติดตามทางราชการก็จะเริ่มละเลย หลายสิ่งหลายอย่างที่ทำอยู่มันจะเริ่มช้าลง จะมีปัญหา
ผมตั้งใจไว้เลยว่าไอทีวีจะอยู่ที่นั่นไปเรื่อยๆ ตั้งแต่เกิดเหตุการณ์เรารายงานไม่เคยหยุดแม้แต่วันเดียว นับตั้งแต่นี้ไปจะเริ่มมีปัญหาเรื่องการฟื้นฟู เรื่องการจัดระเบียบ จะเริ่มมีคำว่าอิทธิพลขึ้นมาซึ่งข่าวพวกนี้เป็นข่าวที่เราถนัด ถ้ามีความไม่ชอบมาพากลเราจะส่งทีมพิเศษของเราไปเปิดโปง เราจะทำหน้าที่เกาะติดเรื่องพวกนี้ต่อไป นอกเหนือจากเรื่องของภาวะเศรษฐกิจหรือจำนวนนักท่องเที่ยวที่จะมา ฉบับที่ 61 มีนาคม 2548
|