26 ธันวาคม 2547
เรื่องเล่าสึนามิที่หมู่เกาะสุรินทร์ 26 ธ.ค 2547

เรื่องเล่าสึนามิ(1) ไม่เคยเขียนที่ไหนมาก่อนเลย-ไกด์เรือสำราญโอเชี่ยนปริ๊นเซสทริปหมู่เกาะสุรินทร์
วันที่ 24-27 ธ.ค 2547 ช่วงนั้นก็เป็นช่วงเวลาที่ผมคิดว่าชาตินี้ก็คงจะไม่ได้เจอกับเหตุการณ์นี้อีกเป็นแน่ทริปนั้นเรานำสมาชิกกรุ๊บเหมาของ บ.แจนเซ่น ซึ่งเป็นตัวแทนจำหน่ายยาประมาณ 200 กว่าคนรวมกับนักท่องเที่ยวที่เดินทางเองอีกประมาณเกือบ 50 คนไปท่องเที่ยวทริปหมู่เกาะสุรินทร์กัน ซึ่งตัวผมเองเป็นไกด์เรือเป็นเจ้าหน้าที่ฝ่ายออฟฟิคด้วยมีไกด์ที่ทำออฟฟิคที่ไปด้วยทั้งหมด 4 คนมี ผม โชติ, พี่น้อย(รุ่นพี่ที่อันดามันปริ๊นเซส), วิทย์(เพื่อนผม), น้องชุ(แฟนเพื่อนผม), ต้อย(ญาติผม), หนุ่ย(อันดามัน), โป่ง(เด็กชีวะ รามฯ), วิน(น้องไฟแรง), บอย(เด็กเหนือ), เอ๊ะ(เด็ก จ.สุรินทร์คนบ้านเดียวกับพี่น้อย), อั๋น(น้องแถวบ้าน), บุ้ง(สมุทรปราการ), อารีย์(เด็กนครสวรรค์), เล้ง (น้องใหม่ล่าสุด)ทั้งหมด 14 คนพอดีคิดดูแล้วกันครับ
วันนั้นวันเกิดสึนามิเป็นวันคล้ายวันเกิดผม คืนวันที่ 25 วันคริสต์มาสมีปาร์ตี้เล็กๆวันเกิดผมกับเพื่อนผม 2 คน ผมวันที่ 26 เพื่อนผมวิทย์ วันที่ 24 โดยพี่สมภพ พี่ที่ผมเคารพที่สุดในบรรดาเจ้าหน้าที่ตำแหน่งสูงบนเรือสำราญโอเชี่ยนนำเครื่องดื่มมาฉลองกันเล็กๆน้อยๆก่อนแยกย้ายไปพักผ่อนพรุ่งนี้เราต้องทำงานต่อ โดยพวกเราก็จะแยกกันไปประจำตรงจุดที่แต่ละคนมีหน้าที่รับผิดชอบตรงตำแหน่งงานนั้นๆ ไม่ว่าจะเป็นไกด็ประจำเรือ(รับส่งลูกค้า)เช่นเรือสปีดโบ๊ท-เรือบด(หรือเรือช่วยชีวิตลำสีส้ม)เรือท้องถิ่น(เรือไม้), ไกด์ทำแนวเชือกเซฟตี้(แนวเชือกบริเวณจุดที่ๆมีปะการัง), ไกด์ประจำแกงเวย์(ทางขึ้น-ลงเรือของลูกค้า), ไกด์ประจำชายหาด(รอรับ-ส่งลูกค้าจากเรือ)ดูแลลูกค้าตามจุดต่างๆเช่น ดูวีซีดีแนะนำเกาะ, ไปถ่ายรูปวิวสวยๆที่หาดหลังแล้วค่อยพาไปดำน้ำ ก่อนที่จะกลับขึ้นเรือในตอนกลางวันตามลักษณะของงานเรือโอเชี่ยนโดยทั่วไป
เข้าเรื่องเลยแล้วกันครับ....
ในเช้าวันที่ 26 ธันวาคม 2547 เราทยอยนำลูกค้าลงจากเรือพาไปเที่ยวที่เกาะสุรินทร์เหนือบริเวณที่ทำการอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสุรินทร์ลำแรก ในเวลาประมาณ 08.30 น ก่อนหน้านี้ก็จะมีหนุ่ย , ต้อย , ไปทำแนวเซฟตี้. มีวิทย์เป็นหัวหน้าประจำแกงเวย์จะถือวิทยุรับส่ง , วิน , อั๋น ส่วนผมโชติก็เป็นหัวหน้าประจำหาดก็จะมีวิทยุรับส่งมีพี่น้อยเป็นหัวหน้าชุดสำหรับทริปนี้พอลูกค้ามาถึงชายหาดผมก็จะรับเรือแล้วก็แจงงานให้น้องๆพาลูกค้าไปตามจุด ต่างๆบนเกาะเริ่มจากให้ลูกค้ารับเสื่อไปปูนั่งพักผ่อนแล้วพาไปชมวีซีดีแนะนำเกาะตรงอาคารใหม่เป็นกลุ่มๆไปประมาณกลุ่มละ 60 คน
เสร็จแล้วก็จะพาลูกค้าไปถ่ายรูปบริเวณหาดหลังซึ่งมีวิวที่สวยงามมาก ก็ทยอยไปเป็นชุดๆจนสมาชิกลำสุดท้ายมาถึงที่ชายหาด ผมก็รับลูกค้าแล้วก็บอกน้องๆให้ไปช่วยถ่ายรูปลูกค้าที่หาดหลังกันก็ประมาณ 09.30 น.ช่วงนั้นวิทย์ก็ได้วิทยุมาบอกผมว่าอย่าให้ลูกค้ามาเล่นน้ำน้ำไหลแรงเป็นน้ำตกเลยซึ่ง ณ.ที่ตรงนั้นวิทย์มาถึงบริเวณเรือบดที่จอดแสตนด์บายรอลูกค้าดำน้ำบริเวณด้านนอกปลายแหลมเห็นคลื่นมาจากทางด้านหาดไม้งาม ผมจึงรีบวิ่งมาที่บริเวณชายหาดด้านหน้าของอุทยานแล้วเห็นลักษณะของน้ำเหมือนกับน้ำป่าไหลมาแรงมากๆ
ในขณะที่มือถือวิทยุสื่อสารด้วยสักพักก็เห็นสมาชิกลูกค้าของผมรวมกับนักท่องเที่ยวที่เกาะรวมกันราวๆ 80 – 90 คนลอยจากหาดหลังมาถึงบริเวณหาดหน้ามีทั้งที่ใส่เสื้อชูชีพ และที่ถอดเสื้อชูชีพถ่ายรูปก็มีรวมทั้งที่อยู่ในเต้นท์ด้วยกระจายอยู่เต็มทั้งหน้าหาดทั้งทางด้านนอก แล้วก็มีบางคนที่กระแสน้ำพัดพาเข้ามาบริเวณชายหาดพวกเราที่อยู่บริเวณนั้นก็เข้าไปช่วยเหลือสมาชิกกันทุกคน
ผมในตอนนั้นก็ไม่เคยจะกลัวอะไรมากกว่านี้มาก่อนทั้งกลัวทั้งตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่ก็พยายามควบคุมตัวเองให้ได้กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในขณะนั้นผมก็ได้วิทยุติดต่อกับวิทย์ แล้วก็เจ้าหน้าที่ทางเรือว่าไม่ต้องให้เรือต่างๆเข้ามาให้รอสมาชิกทางด้านนอกเพราะทางด้านนอกนั้นคลื่นจะเบากว่าก็ช่วยเหลือกันอย่างเต็มความสามารถทุกคนทุกฝ่าย ไม่ว่าจะเป็นทางเรือทางเจ้าหน้าที่อุทยานฯหรือแม้กระทั่งนักท่องเที่ยวด้วยกันเองก็ยังช่วยเหลือกันเต็มที่
หรือภาพที่ ต้อเจ้าของร้านตั้งท่าร้านถ่ายรูปบนเรือ(ไกด์เก่าอันดามัน) ยังไม่สนใจที่จะถ่ายรูปเหตุการณ์นี้ซึ่งอาจทำรายได้ให้มากมาย ภายหลังยังวางกล้องแล้วช่วยสมาชิก ภาพที่ พี่น้อย อุ้มสมาชิกในน้ำขึ้นมาหรือในตอนนั้นน้องๆไกด์ที่เจอกับเหตุการณ์นี้ที่เกือบเอาชีวิตไม่รอดหาดด้านหลังที่ผมจำได้คือ ให้ เล้ง - ต้อย ไปดูแลลูกค้าทางด้านหาดหลัง (มารู้ภายหลังว่าทั้งคู่ได้ลอยไปกับคลื่นแล้วโดยสภาพไม่ได้สวมใส่เสื้อชูชีพเล้งลอยไปแล้วต้อยได้ดึงขึ้นมาหรือต้อยลอยออกไปแล้วลูกค้าดึงขึ้นมา)น้องคนอื่นเช่น โป่ง , บอย , เอ๊ะ ลอยไปกับลูกค้าในสภาพใส่เสื้อชูชีพลอยไปขึ้นอีกด้านนึงของแหลม
แหลม ส่วนวิทย์, วิน, อั๋นก็นำสมาชิกขึ้นที่เรือบดก่อนที่จะนำขึ้นเรือใหญ่ ตอนนั้นก็มีผู้เสียชีวิต 2 ท่าน ชายหนึ่งคนและหญิงอีกหนึ่งคน น้องๆอีกหลายคนที่ผมไม่ได้เอ่ยต่างก็เจอเหตุการณ์ต่อตัวเองต่างๆกันไป ภาพที่เจ้าหน้าที่อุทยาน-นักท่องเที่ยวที่เป็นหมอ-พยาบาลช่วยกันทำแผลลูกค้าบริเวณชายหาดมี่ทั้งเจ็บมากน้อยกันแทบจะทุกคน
พอดีเห็นต้อยเดินมาทางผมมีเรือยางของอุทยานเข้ามาพอดีผมจึงถอดเสื้อชูชีพของผมโยนให้กับต้อยบอกกับต้อยว่าให้ไปกับเรือยางดูข้างนอกเคลียร์สมาชิกว่ามีอีกไหม (ถ้าผมสังเกตุสักหน่อยจะเห็นความกลัวกับความตกใจซึ่งเหตุการณ์นี้พึ่งเกิดขึ้นกับตัวเองของต้อยปรากฏอยู่บนใบหน้าของเค้า)เมื่อเรือยางออกไปแล้ว ผมจึงปรึกษากับเจ้าหน้าที่อุทยานว่าจะทำไงดีก็เลยแจ้งให้สมาชิกขึ้นไปบนภูเขาบริเวณเรือนประทับ ทางเดินขึ้นแถวๆด้านหลังของร้านอาหารสวัสดิการ เคลียร์ให้ทุกคนนั้นขึ้นไปบนนั้นทางรวมทั้งทางเดินขึ้นทางฝั่งขวาที่เป็นที่พักนั่นเอง ก็มีน้องชุ คอยดูแลบริเวณนั้น
ซึ่งในเหตุการณ์ครั้งนี้ก็ไม่มีใครรู้มาก่อนว่าเป็นสาเหตุเกิดจากอะไรหลังจากนั้น
ผมจึงเดินเลาะบริเวณทางด้านหน้าหาดไปอ่าวช่องขาดไปที่หาดหลัง(ซึ่งเป็นช่วงน้ำลง) ก่อนที่จะเดินเคลียร์สมาชิกให้ขึ้นไปด้านบนอีกครั้งนึง(ซึ่งตัวผมถือว่าโชคดีถ้ามีคลื่นมาตอนนั้นผมคงจะไม่รอดแน่ๆ) ดูว่ายังมีสมาชิกหลงเหลืออยู่บริเวณนั้นหรือไม่ช่วงนั้นก็มีเหมือนกับเป็นน้ำป่าคล้ายช่วงแรกอีกครั้งนึงจะขึ้นเร็วมากภายใน 5 นาทีเท่านั้นเมื่อผมถึงบริเวณด้านหน้าชายหาดเรือยางเข้ามาจอดเรียบร้อยแล้วที่ชายหาดยังคงมีเจ้าหน้าที่อุทยาน-หมอ-ผู้เสียชีวิตแล้วก็หนุ่ยอยู่บริเวณบ่อเต่าผมก็เดินเข้าไปทางที่ทำการอุทยานเดินไปที่วิทยุ(มดดำ) ติดต่อแจ้งทางเรือประมงหรือใครก็ได้ที่รับสัญญาณวิทยุได้ให้ช่วยแจ้งทางกองทัพเรือว่ามีผู้เสียชีวิตและมีบาดเจ็บเป็นจำนวนมาก หลังจากนั้นผมก็เดินลงมาที่ชายหาด
ผมเจอะกับคลื่นที่ผมว่าใหญ่กว่าที่ผมเคยเจอเพราะโอบเลาะทางเกาะสุรินทร์เหนือและสุรินทร์ใต้เข้ามาทางหาดด้านหน้าตรงที่ทำการอุทยาน* ในตอนนั้นวิทย์ที่อยู่เคลียร์ลูกค้าที่เรือบดกลางทะเลได้พยายามแจ้งไปที่ผมที่อยู่ที่ชายหาดเห็นคลื่นโอบภูเขา แล้วเลาะไปเรื่อยๆอัดไปที่ชายหาด แต่แจ้งไม่ได้เพราะแบตฯวิทยุสื่อสารวิทย์หมดส่วนผมก็กลัวสุดขีดกดวิทยุแล้วพูดว่า คลื่นยักษ์ แล้ววิ่งหนีสุดชีวิตขึ้นไปที่เรือนประทับทางด้านหลังโรงอาหาร แบบเฉียดฉิวแล้วรีบหยิบเสื้อชูชีพขึ้นมาใส่พร้อมกับบอกทุกคนให้ใส่เสื้อชูชีพ
เชื่อไหมครับว่าคลื่นลูกนี้ทำให้ภูเขาสั่นเลยทำให้ผมรู้แล้วว่าเหตุการณ์นี้นอกเหนือธรรมดามากแต่ละคนเริ่มที่จะกลัว-กังวล ควบคุมไม่อยู่ผมก็กลัวที่สุดในชีวิตเช่นเดียวกัน แต่ทำไงได้ผมก็พูดทั้งๆที่กลัวนั้นแหละพยายามให้ทุกคนมีสติมีช่วงนึงเป็นความประทับใจผมมาก ผมบอกสมาชิกทุกคนบริเวณนั้นว่า ตอนนี้เราจะขอความช่วยเหลือจากใครไม่ได้เราจะต้องช่วยตัวเองก่อน(ทั้งที่ตัวผมเองก็กลัวมากๆพูดไปกลัวไปแต่ต้องทำเป็นเข็มแข็ง) บอกว่าใครมีเสบียงอาหาร-น้ำอยู่ที่ตัวให้เอามารวมเป็นกองกลางทางด้านหน้า
เชื่อไหมครับว่าผมถึงกับน้ำตาซึมเลยเพราะแต่ละคนเดินมานำน้ำและเสบียงนำมารวมด้วยความเต็มใจซึ่งสมาชิกแต่ละคนก็ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี หลังจากนั้นเราก็พยายามเช็คลูกค้าของเรือกัน ไม่ว่าจะเป็นกรุ๊บแจนเซ่นก็เริ่มที่จะเช็คจำนวนคณะว่าครบหรือไม่ หรือครอบครัวที่ไปเที่ยวกันเองก็มีการประสานกับทางเรือตลอด
(ตอนนั้นทางเรือได้แจ้งให้ทราบแล้วว่าได้เกิดแผ่นดินไหวที่อินโดนีเซีย) และได้รับแจ้งว่าอาจเกิดอาฟเตอร์ช็อคตามมาพวกเราน้องๆ
ไกด์ก็ยังคงทำตามหน้าที่คอยช่วยเหลือแจ้งสถานการณ์ต่างๆให้ทุกคนทราบโดยตลอดในตอนนั้นทางฝ่ายเรือโอเชี่ยนก็ได้นำเสบียงอาหาร-น้ำทยอยนำมาให้กับสมาชิกทุกคนที่อยู่บนเกาะทั้งลูกค้าของเรือและนักท่องเที่ยวที่เกาะ โดยนำมาส่งใช้เรือไม้(ที่ใช้ได้ไม่กี่ลำเท่านั้น โดยมีวิทย์เป็นคนดูแลในการส่งในช่วงที่มีการเกิดน้ำขึ้น-ลงในตอนนั้นก็เป็นช่วงเวลาบ่ายๆแล้วสักพักก็มีกลุ่มของ
อ้น(สราวุธ มาตรทอง), กับ นาธาน(นาธานโอมาน)ที่ไปเที่ยวที่หมู่บ้านมอแกนทางเกาะสุรินทร์ใต้มาสมทบที่ทำการอุทยาน(ไม่น่าเชื่อครับตอนเช้าก่อนอ้น-นาธานจะไปเที่ยวที่บ้านมอแกนผมแซวอ้นว่าเดี๋ยวเจอกันที่เรือแล้วกันภายหลังอ้น-นาธานช่วยโปรโมทเรือให้เราโดยไม่คิดค่าใช้จ่ายในงานท่องเที่ยวไทยที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิตต์)ในตอนนั้นก็ยังคงหาวิธีที่จะเดินทางกลับขึ้นเรือโอเชี่ยนกัน
จนเราสรุปได้ว่าจะทยอยขึ้นไปเป็นกลุ่มๆไปในช่วงที่เกิดน้ำลงไปทีละ 20 กว่าคนทยอยขึ้นเรือโอเชี่ยนทั้งลูกค้าของเรือแล้วก็นักท่องเที่ยวที่ไปเดินทางเองที่เกาะขึ้นมาบนเรือประมาณรวมแล้วเกือบ 500 คนได้พวกเราเจ้าหน้าที่เรือขึ้นมาถึงเรือกลุ่มสุดท้ายในเวลาประมาณ ทุ่มกว่าแล้วเรือจะต้องจอดที่หน้าอุทยานอีก 1 คืน ส่วนเจ้าหน้าที่ของเกาะก็จะช่วยค้นหาผู้เสียชีวิต(ที่อยู่บนชายหาดก่อนที่จะมีคลื่นใหญ่มา ซึ่งเป็นลูกค้าของเรือ 1 ท่าน)ให้ในวันพรุ่งนี้ตอนเช้า ส่วนที่เรือก็จัดอาหาร-จุดพักผ่อนให้กับนักท่องเที่ยวที่เดินทางไปเองทุกๆคนเพราะจำนวนนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ+พนักงานที่เกาะบางส่วนที่ขึ้นมาบนเรือก็ประมาณ เกือบ 300 คนยังไม่รวมลูกค้าของเรืออีกประมาณ 250 คน ช่วงกลางคืนก็มีการแสดงของเรือเพื่อที่จะปลอบขวัญผู้ที่พึ่งจะผ่านเรื่องราวที่ร้ายแรงที่สุดในชีวิตก่อนที่จะแยกย้ายไปพักผ่อน
ตอนเช้าพวกเราไกด์ผู้ชายก็ได้ลงเรือไปที่เกาะเพื่อที่จะไปรับผู้เสียชีวิตที่ทางเจ้าหน้าที่เกาะช่วยกันหาในตอนเช้านำขึ้นมาบนเรือ แล้วก็รับนักท่องเที่ยวของเกาะที่มาจากหาดไม้งามอีกประมาณ 100 คนเราเดินทางออกจากที่เกาะ ก็ประมาณเกือบจะเที่ยงแล้วช่วงที่เรือเดินทางมุ่งหน้าจะเข้าที่ภูเก็ต ก็พยายามจะเดินเรือใกล้ชายฝั่งให้มากที่สุดเพื่อจะได้มีสัญญาณคลื่นโทรศัพท์ จนประมาณบ่าย 3 โมงจึงมีสัญญาณคลื่นโทรศัพท์แต่ก็ติดต่อสื่อสารยากลำบากมากเพราะเครือข่ายล่ม และก็มีการใช้โทรศัพท์ในช่วงเวลาเดียวกันเยอะมากแต่ที่เห็นแต่ละคนคุยโทรศัพท์ติดต่อคนที่บ้าน ซึ่งต่างก็โทรไปบอกคนที่บ้านไม่ต้องเป็นห่วงเพราะได้รอดกลับมาแล้วกันแทบจะทุกคน (ทางไอทีวีรายงานว่าไม่ได้รับการติดต่อจากเรือสำราญโอเชี่ยนปริ๊นเซสที่เดินทางไปหมู่เกาะสุรินทร์)
แม้กระทั่งผมเองตอนนั้นก็ได้โทรศัพท์ติดต่อกับคนทางบ้าน และก็มีการให้สัมภาษณ์ออกอากาศสดก็หลายสถานีต่างก็ถามถึง อ้น-นาธานกันแทบจะทั้งนั้น ในช่วงการเดินทางเมื่อเรือเราแล่นผ่านบริเวณพังงา-ภูเก็ตก็เห็นแต่สภาพท้องทะเลเต็มไปด้วยเศษไม้เต็มไปหมดเลยแต่เราไม่เห็นภาพเหตการณ์ที่เกิดขึ้นเลย เพราะเราไม่มีสัญญาณทีวีถ้าเราเห็นภาพเหตุการณ์นั้นๆเราคงจะพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าพวกเราโชคดีมากๆที่เสียหายน้อยกว่าที่เขาหลัก รือที่หมู่บ้านน้ำเค็ม(ภายหลังจากที่เดินทางถึงกรุงเทพฯแล้วผมกับเพื่อนๆพี่ๆน้องๆทั้งที่อันดามันปริ๊นเซสกับโอเชี่ยนปริ๊นเซส และทางเวิล์ดสปิริตได้รวบรวมสมาชิก และของใช้ต่างๆเป็นหน่วยเฉพาะกิจไม่ขึ้นตรงกับหน่วยงานใดลงไปสมทบพี่ๆที่มาก่อนกันที่จังหวัดพังงา)
กว่าเรือจะเข้าเทียบท่าที่ภูเก็ตก็ประมาณเกือบจะ 3 ทุ่มแล้วของวันที่ 27 ธันวาคม 2547 แล้วครับ ก็มีทั้งผู้สื่อข่าว, ศูนย์บริการนักท่องเที่ยวเคลื่อนที่, ทหารและตำรวจ, หมอ-พยาบาลมาช่วยอำนวยความสะดวกให้ส่วนพวกเราก็มีการติดต่อให้มีรถรับส่งไปทั้งที่สนามบินและที่กรุงเทพฯ โดยมีรถของโกเห่า(เจ้าของรถที่ภูเก็ต)มาอำนวยความสะดวกให้โดยไม่คิดค่าใช้จ่ายใดๆทั้งสิ้น และที่ผมต้องชื่นชมด้วยใจจริงอีกหลายต่อหลายท่านไม่ว่าจะเป็น
รองแป๊ะขออภัยถ้าผมจำชื่อจริงท่านไม่ได้(ตำแหน่งในตอนที่ท่านดูแลที่อุทยานฯหมู่เกาะสุรินทร์ในตอนนั้น) ในการอำนวยความสะดวกและให้ความร่วมมือในทุกๆด้านในช่วงเหตุการณ์นี้ และเจ้าหน้าที่อุทยานทุกๆคนที่ร่วมมือร่วมใจกันดูแลนักท่องเที่ยวโดยไม่รู้สึกถึงความเหน็ดเหนื่อยเลย แล้วก็คุณพัฒนาเจ้าของเรือโอเชี่ยนปริ๊นเซสที่ดูแลนักท่องเที่ยวทุกๆคนเป็นอย่างดีไม่ว่าจะเป็นอาหาร-น้ำ-ที่พักต่างๆแม้ว่านักท่องเที่ยวเหล่านั้นไม่ได้เดินทางมาท่องเที่ยวกับเรือด้วยก็ตาม(ซึ่งผมก็ขอนับถือจากใจจริง)
เจ้าหน้าที่ฝ่ายเรือทุกๆคนไม่ว่าจะเป็นกับตันพิชัย, คุณไพโรจน์และจะขาดไม่ได้คือคุณสมภพพี่ใหญ่ที่พวกเราให้ความนับถือที่สุดคนนึงของเรือรวมทั้งเจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายของเรือ (ภายหลังทางแจนเซ่นได้มีผู้ที่บันทึกภาพเหตุการณ์นี้ได้ส่งวีซีดีภาพเหตุการณ์สึนามิมาให้เราที่ออฟฟิคโอเชี่ยนปริ๊นเซสที่กรุงเทพฯ กับบางช่วงบางเหตุการณ์ที่ได้บันทึกไว้ที่เกาะจนถึงบนเรือโอเชี่ยน ว่างๆจะนำมาให้ชมกันครับ)แต่แปลกนะครับจะเรียกว่าความบังเอิญ, ความโชคดี, หรือปาฏิหารย์ก็แล้วแต่จะคิดนะครับว่า ณ.เหตุการณ์นั้นนะเรามีกลุ่มคนที่ทำงานสัมพันธ์กันตลอดคิดดูครับ เช้าวันนั้นเป็นวันคล้ายวันเกิดผมคืนวันที่ 25 ก็เลี้ยงพร้อมกันเลยทั้งคริสต์มาสและวันเกิด วิทย์วันที่ 24 พอรุ่งขึ้นผมกับวิทย์ก็ต้องมาแก้ไขสถานการณ์ด้วยกันแล้วพี่ๆน้องๆที่มาอยู่ ณ.ที่แห่งนั้นอีก ไม่น่าเชื่อนะครับ ประสบการณ์ชีวิตจริงๆ.......
สรุปโดยรวมเรามียอดผู้เสียชีวิตทั้งหมด 3 ท่านเป็น(ลูกค้าที่เกาะ 1 ท่านเป็นสุภาพบุรุษเจ้าของร้านดำน้ำในหาดป่าตองจ.ภูเก็ต) เสียชีวิตเพราะนอนอยู่ในเต็นท์
อีก สุภาพสตรีทั้ง 2 ท่านเป็นสมาชิกที่ร่วมเดินทางกับเราเรือโอเชี่ยนฯ คาดว่าจะสำลักน้ำและถูกคลื่นม้วนอาจจะไปถูกปะการังก้อนใต้น้ำ หนึ่งในผู้เสียชีวิตนั้นเป็นลูกค้าเก่าที่เคยร่วมเดินทางมากับเรือท่องเที่ยวตั้งแต่เรืออันดามันปริ๊นเซสและเรือโอเชี่ยนปริ๊นเซส และบังเอิญผมค่อนข้างจะสนิทกับครอบครัวนี้ในช่วงการเดินทางทริปนี้ด้วย บางทีถ้าผมไม่เป็นคนบอกกับครอบครัวนี้ว่าถ้าร้อนก็ให้ถอดเสื้อชูชีพไว้ก่อนแล้วเข้าไปดูวีซีดีแนะนำเกาะก่อนที่พวกเค้าจะเดินไปถ่ายรูปที่ชายหาดด้านหลัง เค้าอาจจะไม่เจอกับเหตุการณ์สูญเสียนี้ก็เป็นได้
เป็นสิ่งที่ย้ำเตือนใจตลอดให้กับผมว่าเมื่อผมออกทริปการเดินทางทุกครั้งทางทะเล ผมจะต้องแจ้งสมาชิกให้ใส่เสื้อชูชีพทุกครั้งเพื่อความปลอดภัยของตัวท่านเองเช่นเดียวกันกับการเล่นน้ำ-ดำน้ำดูปะการังก็ต้องใส่เสื้อชูชีพทุกครั้งห้ามประมาทโดยเด็ดขาดสิ่งเหล่านี้ก็เป็นอุทธาหรณ์ย้ำเตือนใจผมทุกครั้ง
**** สุดท้ายนี้ก็ขอให้ดวงวิญญาณผู้เสียชีวิตทุกดวงทุกท่านจงไปสู่สุขคติครับท่านเหล่านั้นคงมีความสุขอยู่บนสวรรค์แล้วครับ****
* นี่คือเหตุการณ์ที่ประสบจากเหตุการณ์สึนามิ 24-27 ธ.ค 2547 ครับยังมีเหตุการณ์ที่เราลงไปสัมผัสกันที่จังหวัดพังงาไม่ว่าจะเป็นที่คุระบุรี, เขาหลัก, บ้านน้ำเค็ม, บ้านคอเขา, วัดย่านยาว, วัดบางม่วงและศูนย์ผู้ประสบภัยสึนามิอีกครับ เอาไว้ว่างๆผมจะมาเล่าให้ทุกคนได้อ่านกันที่พวกเราได้ไปพบ สัมผัสกันมาในช่วงหลังเหตุการณ์สึนามิช่วง 28 - 03 ม.ค 48 นี้ครับ
http://chotonamsn.spaces.live.com/b
|